หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

PBN เทคโนโลยีการเดินอากาศสมัยใหม่


PBN เทคโนโลยีการเดินอากาศสมัยใหม่ 

ลดการปล่อย CO2 ลดโลกร้อน


          " การนำเทคโนโลยี PBN มาใช้งานกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานสากลหลักของประเทศ จะเกิดประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศยานให้น้อยลง "


          บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำ กัดเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในกิจการบินของประเทศ ด้วยวิสัยทัศน์ในการมุ่งเป็นองค์กรแห่งความปลอดภัยด้วยการบริการการเดินอากาศ ที่มีการบริหารจัดการทันสมัย มีการกำกับดูแลที่ดี และคำนึงถึงการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกิจการบิน ซึ่งนอกเหนือจากการมุ่งเน้นความปลอดภัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นการจูงใจให้สายการบินเพิ่มปริมาณการใช้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นำมาซึ่งรายได้ให้กับประเทศและขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทาง
อากาศในอนาคต

PBN เทคโนโลยีการเดินอากาศสมัยใหม่…ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

          พลอากาศเอก สมชาย เธียรอนันท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทยจำกัด กล่าวว่า จากนโยบายกระทรวงคมนาคมที่ต้องการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยมุ่งปรับปรุงระบบเทคโนโลยีการให้บริการการเดินอากาศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภายใต้แนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการเดินอากาศ ให้สอดรับกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โสภณ ซารัมย์ ที่มอบหมายให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงจัดทำโครงการ 1 หน่วยงาน 1 ผลงานชิ้นโบว์แดง เพื่อสร้างผลงานที่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาคมนาคมขนส่งโดยรวม
รองรับการเติบโตของการจราจรทางอากาศของประเทศ
          ผลงานชิ้นโบว์แดงของ วิทยุการบินแห่งประเทศไทย คือ การพัฒนาแบบแผนการบินด้วยเทคโนโลยีการเดินอากาศสมัยใหม่ PBN (Performance Based Navigation) ที่ได้นำไปประยุกต์ใช้อย่างเต็ม
รูปแบบตั้งแต่เมื่อปลายปี พ.ศ. 2551 ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต หาดใหญ่ กระบี่ และสมุย ปัจจ��บันอยู่ระหว่างการนำเทคโนโลยี PBN มาประยุกต์ใช้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งคาดว่าจะดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จและใช้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบในเร็วๆ นี้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับสายการบิน ลดปริมาณเชื้อเพลิง และลดปริมาณการปล่อย
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คิดเป็นคาร์บอนเครดิตให้ประเทศได้ถึง 160,000 คาร์บอนเครดิตต่อปี
          พลอากาศเอก สมชาย กล่าวว่า “การนำเทคโนโลยี PBN เข้าใช้งาน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นงานที่วิทยุการบินฯ ภูมิใจนำเสนอกระทรวงคมนาคมเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง เพราะการนำระบบ PBN เข้าใช้งานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนำเทคโนโลยี PBN มาใช้งานกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานสากลหลักของประเทศ จะเกิดประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศยานให้น้อยลงPBN เทคโนโลยีกีการเดินินอากาศสมัยัยใหม่่
ลดการปล่อย CO2 ลดโลกร้อนความแม่นยำ ในการระบุตำแหน่งอากาศยาน ความสูงและเวลา รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงเส้นทางบินได้อย่างคล่องตัว ช่วยให้นักบินนำเครื่องบินร่อนลงสู่ท่าอากาศยาน
ได้รวดเร็ว แต่ละเที่ยวบินจึงประหยัดระยะเวลาขึ้น-ลงได้
ประมาณ 5 นาที ทั้งยังมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”

ลดการใช้เชื้อเพลิงของอากาศยานได้ 200 กิโลกรัม/เที่ยวบิน

          ด้วยเทคโนโลยีของระบบ PBN ทำให้สามารถประมาณเวลาเดินทางของเครื่องบินได้อย่างถูกต้องลดความล่าช้าในการเดินทาง โดยนำมาใช้ร่วมกับเทคนิคการบินด้วยแนวร่อนเสถียร (Continuous Descent Operations : CDO) ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะสำหรับเที่ยว
บินขาเข้า เปิดโอกาสให้อากาศยานสามารถลดระดับเพดานบินลงสู่สนามบินด้วยอัตราที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กำลังเครื่องยนต์น้อยที่สุด (Low Engine Thrust Settings) จึงสามารถลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงของอากาศยาน และลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อนได้

          “ ก า ร นำ เ ท คโ น โ ล ยี PBN ม า ใ ช้ง า น กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานสากลหลักของประเทศ จะเกิดประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอากาศยานให้น้อยลงเพราะผลการศึกษาการนำ PBN เข้าใช้งาน ผนวกกับเทคนิคการบินด้วยแนวร่อนเสถียรพบว่า สามารถลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงของอากาศยานลงได้ประมาณ 200กิโลกรัม/เที่ยวบินในการบินเข้าสู่สนามบิน”





Green IT


Green IT วิธีสร้างสีเขียวให้กับโลกไอที




เข้าสู่ช่วงเดือนมิถุนายน รู้หรือไม่ว่า? ในวันที่ 1 – 7 มิถุนายน ของทุกปีเป็นสัปดาห์แห่งการรณรงค์ไอทีสีเขียว Green IT Week ที่จัดกันในทุกปี โดยมีความร่วมมือจากประเทศต่างๆเข้าร่วมรณรงค์  37 ประเทศ  รวมทั้งประเทศไทยด้วย  โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งการบริจาค จัดนิทรรศการออนไลน์ ผ่านทางSocial media  มีสัมมนาความรู้ งานวิจัย หนังสือ และกิจกรรมรณรงค์อื่นๆ เกี่ยวกับการใช้ไอทีสีเขียว


ปัจจุบันนี้มีผู้ใช้ทั้งคอมพิวเตอร์ ทั้งแบบตั้งโต๊ะและแบบพกพา รวมถึงเครื่องเล่นเกมต่างๆมากมายหลายรุ่น เท่านั้นไม่พอ ยังมีพวกโทรศัพท์มือถือที่ทุกท่านได้ใช้ในการติดต่อสื่อสารและแชร์เรื่องราวผ่านสังคมออนไลน์ รวมไปถึงในปีนี้เป็นยุคแห่งแท๊บเล๊ทด้วยที่กำลังมาแรงมาก ณ เวลานี้ ทำให้คนสนใจเครื่องใช้ไอทีมากขึ้น  ยิ่งของใหม่มาเมื่อไหร่คนก็จะเอาของเก่าที่สภาพเก่าๆไม่น่าใช้ทิ้งไปแล้วมาซื้อ ของใหม่ จากสิ่งที่ทิ้งไปนั้น กำลังเป็นปัญหาที่จะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในโลกของเรา เพราะของเก่าที่ทิ้งไปนั้นเป็นขยะที่สร้างมลพิษและเป็นอันตรายต่อมนุษย์ สิ่งมีชีวิต และโลกของเรา  เรียกว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ขยะไฮเทคสาเหตุที่เกิดขยะพวกนี้ เกิดขึ้นการผลิตและใช้อุปกรณ์ไอทีแบบไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม


ในวันนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างร่วมมือกันแก้ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยโลกด้วยไอทีสีเขียว โดยการสร้าง, การใช้ และการประยุกต์ใช้ไอทีอย่างคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมกันเพิ่มมากขึ้น
คุณก็สามารถช่วยโลกได้ด้วยการซื้อสินค้าไอทีที่ผลิตโดยบริษัทที่ใช้ทักษะทางวิศวกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุน  สามารถนำมาใช้ใหม่ได้   มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ทั้ง ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ เน็ตเวิร์กให้ใช้ได้หลากหลายวัตถุประสงค์มากขึ้น  เช่นซอฟต์แวร์ทำงานได้หลายประเภทไม่เฉพาะเจาะจงจนเกินไป ใช้เวลาคำนวณน้อยลงแต่ได้ผลลัพธ์รวดเร็วขึ้น จะได้กินไฟน้อยลง


ปรับกระบวนการผลิตใหม่ ลดการใช้พลังงาน และทรัพยากร เช่นไฟฟ้า น้ำ และกระดาษในการผลิตสินค้า , หาวัตถุดิบที่ย่อยสลายได้ ลดการปล่อยมลพิษหรือของเสีย และขยะไอที
ลองสังเกตบรรจุภัณฑ์ของพวกโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ไอที คอมพิวเตอร์ รุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้เขาพยายามลดการสิ้นเปลืองของวัตถุดิบด้วยการ”ทำแต่พอดี”ไม่ได้ใหญ่เทอะทะเหมือนอดีต และมีกระบวนการผลิตที่นำกล่องนี้สามารถย่อยสลายได้ สามารถนำมารีไซเคิลใช้ใหม่ได้  หรือการใช้ไอทีมาเป็นตัวควบคุมการใช้พลังงานไฟฟ้าหรือใช้ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับอากาศภายในบ้าน , อาคารต่างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสิ่งแวดล้อมได้


เราผู้ใช้ไอที สามารถปรับพฤติกรรม เพื่อให้โลกนี้น่าอยู่ ด้วยวิธีง่ายๆดังนี้

-     ปรับความสว่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ หรือโทรศัพท์มือถือ ให้ความสว่างเหมาะสม
-     ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเมื่อไม่ใช้งาน
-     วางแผนใช้เครือข่ายอย่างคุ้มค่า
-     ปรับสภาพแวดล้อมการใช้งาน เช่นปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสมเพื่อยืดอายุและเพิ่มสมรรถนะของเครื่อง
-     เปลี่ยนเครื่องที่เก่า กินไฟมากเป็นเครื่องใหม่ที่ประสิทธิภาพสูงกว่า

ตอนนี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมนับวันยิ่งใกล้ตัวเรามากขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพอากาศที่แปรปรวนผิดปกติ และภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยมากขึ้น อย่างพายุ แผ่นดินไหว น้ำท่วม พวกเราชาวไอทีก็ต้องช่วยกัน มาร่วมรวมพลังสร้างไอทีให้มีสีเขียว ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้งานไอทีให้คุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ง่ายๆเริ่มต้นที่ตัวคุณ

วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บ้านประหยัดพลังงาน

บ้านประหยัดพลังงาน - Meera House สร้างความเป็นส่วนตัวด้วยสีเขียวของธรรมชาติ







         คงไม่ผิดนักที่เราอาจจะคิดว่าทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เจ้าของบ้านหลังนี้อย่างแน่นอน! The Meera House บ้านที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีเขียว ซึ่งถูกคลุมโทนด้วยสนามหญ้าและไม้ดอก ไม้ประดับนานาชนิดซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ของ Sentosa island ไกล้กับสิงคโปร์ บ้านฟอกอากาศหลังนี้ (วันวาเลนไทน์ขอเล่นคำนิดหน่อย) ถูกออกแบบโดย Guz Architects ซึ่งได้นำความเขียวชอุ่มมาเป็นส่วนหนึ่งของงานออกแบบให้ทุกๆ พื้นที่พักอาศัยไกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด โดยเฉพาะหลังคาผืนหญ้าสีเขียว โค้งงอลดหลั่นเป็นระดับมองดูคล้ายกับทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์!
         แรกเริ่มแนวคิดการออกแบบ สถาปนิคก็ต้องเจอกับปัญหาที่เจ้าของบ้านทุกๆ หลังพบเจอกันหมดคือ พื้นที่ความเป็นส่วนตัวมีน้อย (อาจสืบเนื่องจากพื้นที่ราคาแพงและมีจำกัด) บ้านแต่ละหลังถูกปลูกให้อยู่ ไกล้กันมากแม้จะเป็นบ้านเดี่ยวก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องง่ายมากที่เพื่อนบ้านจะได้ยิน หรือเข้ามามีส่วนร่วมกับทุกๆ กิจกรรมของบ้านอีกหลังหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ เมื่อรับรู้ถึงปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างดี Guz จึงตัดสินใจสร้างกำแพงล้อมรอบตัวบ้านเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยโดยไม่สร้างปัญหาเรื่องสภาพภูมิทัศน์ของเพื่อนบ้านแต่อย่างใด
         วิธีการปรับสภาพภูมิทัศน์ขึ้นมาใหม่โดยไม่กระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของเพื่อนบ้านด้วยวิธีของ Guz ก็คือ การสร้างสวนบนระเบียงในแต่ละชั้นของบ้าน "จุดประสงค์เพื่อให้ความรู้สึกว่าแต่ละชั้นของบ้านตั้งอยู่บนพื้นดินที่ถูกปกคลุมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า มองมาจากทิศทางไหนก็เห็นแต่สี เขียวของธรรมชาติ" Guz บอกไว้อย่างนั้น นอกจากนี้ Guz ยังเพิ่มพื้นที่ส่วนกลางของบ้านให้โปร่งโล่ง รวมทั้งช่องว่างของบรรไดของแต่ละชั้นเพื่อรับแสงสว่างในช่วงกลางวัน ช่วยให้กำแพงที่สร้างขึ้นนั้นไม่ปิดกั้นการหมุนเวียนของอากาศดีๆ จากทะเลสวยๆ ของ Sentosa island ที่จะเข้ามาภายในบ้าน






วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บ้านลอยน้ำ

" แบบบ้านลอยน้ำ"  โดย กรมโยธาธิการและผังเมือง


สารอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย

            จากภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ได้ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมากทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ของผู้ประสบภัย กรมโยธาธิการและผังเมืองซึ่งมีภารกิจหลักประการหนึ่งคือการให้บริการแบบบ้านเพื่อประชาชนที่มีอยู่อย่างหลากหลาย
รูปแบบในระดับราคาต่างๆ กัน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของบ้านที่จะสามารถป้องกันภัยดังกล่าวได้ จึงได้เริ่มทำการศึกษาเพื่อการออกแบบ 
จากแหล่งต่างๆ ทั้งจากในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บ้านท่าขนอน อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งยังมีบ้านลอยน้ำ
ภูมิปัญญาชาวบ้าน ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในพื้นที่ 

            27 กันยายน พ.ศ. 2550 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมายังกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อทรง
เปิดพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เมื่อได้ทอดพระเนตรนิทรรศการแบบบ้านเพื่อประชาชน
ของกรมฯ แล้วได้พระราชทานพระราชดำริเกี่ยวกับ “บ้านลอยน้ำ”

            กรมโยธาธิการและผังเมืองจึงได้ออกแบบบ้านหลังนี้ขึ้นโดยปรับใช้แนวคิดจาก “บ้านลอยน้ำท่าขนอน” และเรือนแพของชาวบ้าน
ในอดีต นำมาประยุกต์ใช้กับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ซึ่งในฤดูแล้งตัวบ้านจะตั้งอยู่บนพื้นดินตามปกติ แต่เมื่อมีน้ำท่วมก็จะลอยขึ้น
ตามระดับน้ำได้ โดยจะมีการยึดตัวบ้านไว้กับเสาหลักทั้งที่มุมเพื่อป้องกันการโคลงตัวหรือลอยไปตามกระแสน้ำ และเมื่อระดับน้ำลดลง
ตัวบ้านก็จะกลับมาตั้งอยู่บนพื้นดินตามเดิม 

            ขนาดของบ้านลอยน้ำที่ได้ออกแบบขึ้นนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของขนาดวัสดุสำเร็จรูปที่มีขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาด เพื่อให้เป็นการใช้
วัสดุที่คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้และทำการก่อสร้างได้ง่าย เนื่องจากมีระบบวิศวกรรมโครงสร้างเป็นรูปแบบอย่างง่าย 
ชาวบ้านที่มีความรู้ด้านช่างในระดับทั่วไปก็จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้เอง 

            บ้านหลังนี้มีขนาดพื้นที่รวมประมาณ 60 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เพื่อความสะดวกในการก่อสร้างและการลอยน้ำ 
แต่หากมีความต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้นก็อาจเชื่อมต่อหลายหลังเข้าด้วยกัน โดยใช้สะพานทางเช ื่อมพาดระหว่างชานรอบตัวบ้าน 

            สำหรับราคาค่าก่อสร้างประมาณการได้ว่ากรณีดำเนินการก่อสร้างเองจะมีราคาประมาณหลังละ 719,000 บาท หากจ้างเหมา
ราคาประมาณหลังละ 915,000 บาทเนื่องจากต้องมีการคิดค่าดำเนินการ กำไรและภาษีด้วย 

            แบบบ้านลอยน้ำของกรมโยธาธิการและผังเมืองนี้ น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้อง
อยู่อาศัยในพื้นที่ที่อาจต้องประสบภัยน้ำท่วมตามฤดูกาลได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อยู่อาศัยในบริเวณเที่เป็นที่ลุ่ม โดยอาจปรับปรุง
เปลี่ยนแปลงรูปแบบและพื้นที่ใช้สอยให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องตามความต้องการที่แท้จริงของตนเองต่อไป



ทัศนียภาพกลุ่มอาคาร

รูปด้านหลัง

รูปด้านซ้าย
รูปด้านขวา
รูปด้านหน้า
                                                                     รูปด้านล่าง


แนวคิด   ออกแบบขึ้นโดยแนวคิดเพื่อป้องกันความเสียหายจากอุทกภัย
ตามฤดูกาล และตั้งอยู่บนพื้นดินในภาวะปกติ โดยให้บ้านทั้งหลัง
สามารถลอยสูงขึ้นได้ตามระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไรก็ตามบ้านลอยน้ำ
นี้ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีน้ำไหลเชี่ยวกรากรุนแรง 

ขนาดพื้นที่   ประมาณ 60 ตารางเมตรประกอบด้วยพื้นที่อยู่อาศัย 23 
ตารางเมตร ส่วนทำอาหารห้องน้ำและซักล้าง รวม 37 ตารางเมตร 

ราคาค่าก่อสร้าง  โดยประมาณ 719,000 บาท (กรณีปลูกสร้างเอง) 
ไม่ต้องใช้ผู้รับจ้างเหมาและประมาณ 915,000 บาท (กรณีมีผู้รับจ้างเหมา) 

วัสดุก่อสร้าง ใช้วัสดุก่อสร้างพื้นฐานทั่วไปที่สามารถหาได้ง่ายในท้องตลาด 
ซึ่งสามารถดัดแปลงได้ตามความเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ทุ่นลอยเป็นถังน้ำมัน
ขนาด 200 ลิตร หรือถังไฟเบอร์กลาสกรณีต้องการความทนทานเพิ่มขึ้น 

ระบบสุขาภิบาล  ใช้ระบบการย่อยสลายโดยมีถังบรรจุจุลินทรีย์ EM 
ติดตั้งอยู่ใต้ห้องน้ำเพื่อย่อยสลายและเร่งการตกตะกอนของสิ่งปฎิกูล



วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Plant Book Laptop


Plant Book Laptop: โน๊ตบุ๊คพลังธรรมชาติ เมื่อเทคโนโลยี "ส่งยิ้ม" ให้กับสิ่งแวดล้อม




          คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คบางเฉียบเครื่องนี้เป็นผลงานการออกแบบของ Seunggi Baek และ Hyerim Kim นอกจากความสวยงามแล้วคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เนื่องจากใช้พลังงานจากธรรมชาติและวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หลักกการทำงานของแบตเตอรี่ใช้พลังงานจากการทำปฏิกิริยาของน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ โดยระบบจะดูดซับน้ำในแก้วอย่างต่อเนื่องและสร้างพลังงานไฟฟ้าโดยเก็บไว้ในแผ่นความร้อนพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งอยู่ด้านบน ในกระบวนการนี้จะดำเนินการโดยใช้ไฮโดรเจนเป็นแหล่งพลังงานและปล่อยออกซิเจนออกมา วงแหวนรูปใบไม้ด้านบนทำด้วยซิลิคอน ไฟLED สีเขียวสามารถบอกระดับพลังงานของแบตเตอรี่ โดยรวมแล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คเครื่องนี้เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการอนุรักษ์พลังงานเป็นอย่างยิ่ง








วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Soft Rockers: Work Space

Soft Rockers: Work Space พลังงานแสงอาทิตย์




         Sheila Kennedy ร่วมกับ Violich Architecture ออกแบบ Soft Rocker เก้าอี้พลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายหยดน้ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งและในสวน ออกแบบให้ผู้ใช้สามารเอนหลังหรือนั่งเล่นได้อย่างสบายๆ ภายในมีที่ชาร์จอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ โน๊ตบุ๊ค หลังคามีแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเก็บพลังงานไฟฟ้า และเมื่อถึงเวลากลางคืนก็ยังมีไฟส่องสว่างภายในอีกด้วย







วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Green Technology

Green Technology




               หรือเทคโนโลยีไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อมนั้น สืบเนื่องมาจากในปัจจุบันได้มีการตื่นตัวกันอย่างมากของคนทั้งโลก ในเรื่องของการรักษาสภาพแวดล้อมให้แก่โลก เพราะในปัจจุบันคนทั้งโลกต้องเผชิญกับสภาวะโลกร้อนและความแปรปรวนของลม ฟ้า อากาศ ซึ่งทั้งหมดนั้นก็เกิดมาจากผลการกระทำของมนุษย์เอง
               ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือปัจจุบันก็ตาม ดังนั้นลองมาดูกันว่าเทคโนโลยีด้านระบบไอทีนั้น มีเทคโนโลยีไหนหรือเทคโนโลยีของใครบ้างที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมของโลก และรายละเอียดของการรักษาสภาพแวดล้อมภายในเทคโนโลยีนั้น ๆ มีอะไรบ้าง



 รู้จักกับ Green Technology


                พอพูดถึงคำว่า เทคโนโลยี เราก็มักจะนึกถึงแอพพลิเคชันที่ช่วยสร้างชิ้นงาน ความรู้ คำว่า Green Technology หรือเทคโนโลยีสีเขียวเป็นวิวัฒนาการ วิธีการและอุปกรณ์เครื่องมือเพื่อใช้ในการจัดการแก้ไขปรับแต่งให้การทำงานของผลิตภัณฑ์เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ผลกระทบจากการใช้งานของอุปกรณ์ เรียกว่าจะช่วยให้การทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ สะอาดขึ้น ซึ่งเป้าหมายของการพัฒนานั้นได้เติบโตไปยังสิ่งต่างๆ ได้แก่
                *  การสนับสนุน จะมีการประชุมเพื่อสร้างสังคมในอนาคตโดยปราศจากการเสียหาย การทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
                * การออกแบบจากแหล่งกำเนิดไปยังแหล่งกำเนิด การใช้งานของสิ่งต่างๆ ก็จะเป็นวัฏจักรของผลิตภัณฑ์ โดยการสร้างผลิตภัณฑ์ให้สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้
                * การลดข้อมูล เป็นการลดทิ้งและมลพิษ โดยการเปลี่ยนรูปแบบของการนำไปสร้างผลิตภัณฑ์และการบริโภค
                * พัฒนาสิ่งใหม่ๆ เป็นการพัฒนาเพื่อเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นการนำซากสัตว์มาเป็นเชื้อเพลิงหรือทางเคมี แต่ก็อาจทำให้สุขภาพและสภาพแวดล้อมเสียหายได้
                * ความสามารถในการดำรงชีวิต สร้างศูนย์กลางทางด้านเศรษฐศาสตร์ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม ความเร็วในการพัฒนาและสร้างอาชีพใหม่เพื่อปกป้องโลก
                * พลังงาน ต้องรับรู้ข่าวสารทางด้านเทคโนโลยีสีเขียวรวมไปถึงการพัฒนาของเชื้อเพลิง ความหมายใหม่ของการกำเนิดพลังงาน และผลของพลังงาน
                * สภาพสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การค้นหาสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อค้นหาสิ่งที่บรรลุและวิธีที่ทำให้เกิดการกระทบกับสภาพแวดล้อมน้อยที่สุด
                เทคโนโลยีด้านระบบไอทีนั้นมีเทคโนโลยีไหน หรือเทคโนโลยีของใครที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสภาพแวดล้อมของโลก และรายละเอียดของการรักษาสภาพแวดล้อมภายในเทคโนโลยีนั้นๆ มีอะไรบ้าง


 Green Computer






                Green Computer เครื่องคอมพิวเตอร์ที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรอื่นๆ ประกอบไปด้วยพลังงานหน่วยประมวลผลศูนย์กลางที่มีประสิทธิภาพ (ซีพียู) เครื่องเซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์เสริมเพื่อลดการทำงานของทรัพยากรและการจัดการเรื่องการสิ้นเปลืองของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Waste)
                นานมาแล้วที่เราได้มีการริเริ่มการใช้ Green Computing ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการติดป้ายเป็นรูปดาวพลังงานหรือ Energy Star ซึ่งนั่นเป็นการริเริ่ม Environmental Protection Agency (EPA) การป้องกันทางด้านสิ่งแวดล้อมในปี ค.ศ. 1992 เพื่อโฆษณาโดยหวังให้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ได้นำไปใช้งานด้วยการติดลาเบล Energy Star โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เครื่องคอมพิวเตอร์ และหน้าจอ ซึ่งได้ถูกนำไปใช้งานทวีปยุโรปและเอเชีย ซึ่งเป็นแนวทางให้มีการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์แบบนี้ เพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ก็อย่างเช่น ผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์และทางด้านธุรกิจตัวอย่างการลดพลังงาน ได้แก่
                * ให้ซีพียูและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน ลดการใช้พลังงานลง
                * ลดพลังงานและการจ่ายไปให้แก่อุปกรณ์เสริมที่ไม่ได้ใช้งานนาน เช่น เครื่องพิมพ์เลเซอร์
                * ให้หันมาใช้จอภาพหรือมอนิเตอร์ในแบบ Liquid-Crystal-Display (LCD) แทนการใช้มอนิเตอร์ Cathode-Ray-Tube (CRT)
                * ถ้าเป็นไปได้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กมากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอป เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปจะกินไฟและใช้พลังงานมากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
                * ใช้ฟีเจอร์ Power-Management ให้ปิดการทำงานของฮาร์ดดิสก์ และหน้าจอมอนิเตอร์หากไม่ได้มีการใช้งานติดต่อกันนานๆ หลายนาที
                * ใช้กระดาษให้น้อยที่สุด และถ้าเป็นไปได้ก็ให้นำกระดาษกลับมาใช้งานหมุนเวียนอีก
                * ลดการใช้พลังงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์เวิร์กสเตชัน เซิร์ฟเวอร์ เน็ตเวิร์กและข้อมูลส่วนกลาง


Green Data Center




                ศูนย์กลางข้อมูลสีเขียว คือ การใช้งานทางด้านการจัดเก็บข้อมูล การจัดการทางด้านข้อมูลและการแพร่กระจายของข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้พลังงานสูงสุดแต่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยสุด ทั้งการออกแบบการคำนวณจะเน้นศูนย์กลางข้อมูลสีเขียวรวมถึงเทคโนโลยี
ขั้นสูงและยุทธศาสตร์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น
                * ใช้อุปกรณ์ที่แผ่กระจายแสงได้น้อยๆ อย่างการปูพรม
                * การออกแบบที่สนับสนุนสภาพแวดล้อม
                * ลดการสิ้นเปลืองโดยการนำกลับมาใช้งานอีก


 สภาพแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากการใช้งานระบบไอที






                เชื่อหรือไม่ว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานอยู่นี้ก่อให้เกิดปัญหาต่อสภาพแวดล้อม ซึ่งเมื่อใช้งานอยู่ก็คงไม่รบกวนโลกมาก แต่พอเครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง เราก็อัพเกรด จวบจนวันหนึ่งที่ไม่สามารถอัพเกรดได้ก็ต้องเอาไปขายเป็นเศษเหล็ก ซึ่งก็ได้เงินมาไม่กี่บาท แต่ขยะคอมพิวเตอร์ ซึ่งอุปกรณ์บางอย่างก็ไม่สามารถย่อยสลายได้ แถมยังก่อมลพิษทางด้านอากาศ สิ่งแวดล้อมให้แก่โลกอีกด้วย เพราะในส่วนประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์เรานั้น ก็มีทั้งที่ประกอบไปด้วย พลาสติก อะลูมิเนียม สังกะสี และอื่นๆ
                ปัจจุบันมีผู้ใช้งานได้คิดประดิษฐ์นำเอาไม้ไผ่เข้ามาเป็นส่วนประกอบกับอุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น คีย์บอร์ด หน้าจอมอนิเตอร์ เมาส์ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก หรือเดี๋ยวนี้ถุงพลาสติกที่เราใส่ของก็ย่อยสลายยาก จนบางห้างสรรพสินค้ารณรงค์ให้ใช้ถุงผ้าแทนการใช้ถุงพลาสติกเพื่อลดการเปิดปัญหาโลกร้อนหลายคนกำลังรณรงค์ไม่ให้โลกร้อนเกิดขึ้นในอนาคต โดยให้ทุกคนบนโลกช่วยกันแก้ปัญหา และร่วมมือทั้งการปิดแอร์เมื่อไม่ใช้งาน
               ดับเครื่องรถยนต์เมื่อต้องจอดรอเป็นเวลานานๆ และอีกหลายร้อยวิธีที่ช่วยให้โลกของเราอยู่ร่วมกับเราไปได้อีกนาน ต้องช่วยกันตั้งแต่วันนี้

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การพัฒนาให้คนตาบอดสามารถใช้ iPhone, iPad, iPod


     

      ใน iOS 4x นี้ voice over ก็ได้มีการพัฒนาให้คนตาบอดสามารถใช้ iPhone, iPad, iPod ร่วมกับคนทั่วไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้นกว่าเดิม...


      1. อย่างที่เคยเขียนไปแล้วว่าเมื่อเปิดฟังก์ชั่น voice over การ ‘touch’ iPhone จะไม่เหมือนเดิม แล้วทีนี้เวลาที่จะขอให้คนตาดีถ่ายรูปให้ ก็มักจะเกิดปัญหาว่าเขา ‘touch’ แบบคนตาบอดไม่เป็น กว่าจะถ่ายได้ก็ต้องยุ่งยาก แล้วพอถ่ายได้ภาพก็เบลอ เพราะ ‘touch’ แรงไป ฯลฯ... วิธีที่ดีที่สุดคือการปิดเสียง voice over เพื่อให้คนตาดีสามารถใช้ iPhone ได้อย่างที่เขาถนัด แต่ถ้าเป็นรุ่น 3GS เราจะต้องเข้าไปใน setting > general > accessibility > voice over เพื่อปิด แล้วพอคนตาดีใช้เสร็จ ก็ต้องรบกวนให้เขาเข้าไปเปิดให้อีก ซึ่งเป็นการไม่สะดวกอย่างยิ่ง
      แต่ใน iOS 4x ขึ้นมานี้ เราสามารถตั้งปุ่ม home (กด home 3 ครั้งติดกัน) ให้เป็น short cut ในการเปิด/ปิดเสียง voice over หรือสลับหน้าจอระหว่างตัวอักษรขาวบนพื้นดำ หรือดำบนพื้นขาว หรือเปิด/ปิด zoom ได้ โดยที่ไม่ต้องเข้าไปใน setting อีก หลังจากที่ตั้ง short cut ในครั้งแรกไปแล้ว เดี๋ยวนี้เลยสบายมาก คนตาบอดกับคนตาดีใช้ด้วยกันได้อย่างสะดวก เพียงแค่คุณกด home 3 ครั้ง เท่านั้น!(หมายเหตุ : วิธีการตั้งปุ่ม home เป็น short cut ทำได้โดย setting > general > accessibility > triple click home)


       2. การสลับภาษา ถ้าเป็นรุ่น 3GS นี่เวลาจะเปลี่ยนภาษาที เราต้องเปลี่ยนทั้งหมด หมายความว่าถ้าอยากเปลี่ยนเป็นภาษาไทย เราก็ต้องยอมรับที่จะใช้เมนูภาษาไทยด้วย (ซึ่งจะอ่าน text ภาษาอังกฤษไม่ค่อยออก) หรือเกิดอยากจะ inter ใช้เมนูและ voice over ภาษาอังกฤษ แต่เกิดต้องอ่าน text ภาษาไทย มันก็จะพูดไม่ออก (เงียบไปเลย) ทำให้ผู้ใช้ที่ต้องใช้ทั้งอังกฤษและไทยอย่างเรามีความรู้สึกอึดอัดพอสมควร
      แต่ใน iOS 4x มีการเพิ่มฟังก์ชั่น language rotor ซึ่งสามารถให้ผู้ใช้เข้าไปเลือกภาษาที่เราต้องการสลับไปมาไว้ได้ล่วงหน้า ผู้ใช้ที่ตั้งภาษาอังกฤษเป็น default ก็จะสามารถสลับภาษาเพื่ออ่าน text ภาษาไทยได้เพียงแค่ปลายนิ้วปัดขึ้น/ลงเบาๆ 1 ครั้ง เท่านั้น ไม่ต้องเข้าเมนูไปหลายชั้นเพื่อไปเปลี่ยนภาษาอีกต่อไป(หมายเหตุ : language rotor อยู่ในเมนู voice over)

       3. การพิมพ์บน virtual keyboard ถ้าเป็นรุ่น 3GS จะมีวิธีการพิมพ์แบบเดียว (standard typing) นั่นคือ เลื่อนนิ้วไปตามคีย์ต่างๆ เมื่อเจอคีย์ที่ต้องการก็ ‘touch’ 2 ครั้ง เพื่อพิมพ์ แต่ใน iOS 4x มีการเพิ่มวิธีการพิมพ์แบบใหม่ (touch typing) ซึ่งผู้ใช้สามารถเลื่อนนิ้วไปตามคีย์ต่างๆ เมื่อเจอคีย์ที่ต้องการ เพียงยกนิ้วขึ้น เครื่องก็จะพิมพ์ตัวอักษรตัวนั้นให้ทันที

      นี่ก็เป็น features เล็กๆ น้อยๆ ของ voice over ที่ make a big difference กับคุณภาพชีวิตของคนตาบอดที่นำมาเล่าสู่กันอ่านในวันนี้ค่ะ